แต่บางทีอีกใจนึงของเธอก็อยากให้มารีสนับสนุนให้เธอรับมัน
ในที่สุด ไรล์ลี่ถอนหายใจ
“มีคดีใหม่น่ะ” เธอบอก “อืม ก็ไม่เชิงว่าใหม่หรอก แต่เป็นคดีเก่าที่ยังไม่ได้รับการสะสางน่ะ”
หน้าของมารีออกอาการเกร็งและเครียดขึ้น
ไรล์ลี่กลืนน้ำลาย
“แล้วคุณก็มาเพื่อถามว่าคุณควรจะทำคดีนี้มั้ยงั้นเหรอ” มารีถาม
ไรล์ลี่ยักไหล่ แต่เธอยังคงมองหน้าและค้นหาความมั่นใจและคำให้กำลังใจในดวงตาของมารี และในชั่วขณะจิตนั้นเองที่เธอรู้ซึ้งว่านี่คือจุดประสงค์แท้จริงที่เธอหวังว่าจะนำพาให้เธอมาเจอ
แต่เธอก็ต้องพบกับความผิดหวัง มารีหลบตาและส่ายหน้าช้าๆ ไรล์ลี่นั้นรออย่างจดจ่อกับคำตอบ หากแต่สิ่งที่ตามมานั้นกลับเป็นความเงียบงันไม่มีที่สิ้นสุด ไรล์ลี่สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวอย่างพิเศษบางอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ภายในมารี
ในความเงียบนั้น ไรล์ลี่มองไปรอบๆอพาร์ทเม้นท์ และสายตาก็หยุดอยู่ที่โทรศัพท์บ้าน เธอรู้สึกแปลกใจที่เห็นสายโทรศัพท์ถูกดึงออกจากปลั๊กกำแพง
“โทรศัพท์คุณเป็นอะไร” ไรล์ลี่ถาม
มารีดูทุกข์อย่างเห็นได้ชัด ไรล์ลี่นึกรู้ได้ทันทีว่าเธอจี้โดนจุดเข้าให้แล้ว
“มันโทรมาไม่หยุดเลย” มารีบอกในเสียงกระซิบที่ฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“ใคร”
“ปีเตอร์สัน”
หัวใจของไรล์ลี่เต้นแรงขึ้นไปถึงคอหอย
“ปีเตอร์สันตายไปแล้ว” ไรล์ลี่ตอบกลับด้วยเสียงสั่นเทา “ฉันเป็นคนจุดไฟเผาที่นั่นเอง พวกเขาเจอศพมันด้วย”
มารีส่ายหน้า
“ที่พวกเขาเจออาจจะเป็นศพของใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ศพของมัน”
ไรล์ลี่รู้สึกได้ถึงคลื่นของความหวาดวิตก