แต่อีกด้านหนึ่งกลับไม่ทรงสนพระทัย สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ภายในพระวรกายคือความปรารถนาที่จะทำลาย ทำลายสิ่งใดก็ตามที่เคยเป็นของพระบิดา พระองค์ทรงอยากทำลายปราสาทหลังนี้ให้ราบ รวมทั้งราชสำนัก เพื่อเป็นการแก้แค้นสำหรับสิ่งที่ได้รับเมื่อทรงพระเยาว์ ความทรงจำที่ฝังแน่นอยู่ในพระหทัย เป็นเหมือนหนามที่ไม่สามารถบ่งออกมาได้
ประตูห้องทรงพระอักษรของพระบิดาเปิดออกกว้าง มหาดเล็กคนหนึ่งของราชากาเร็ธวิ่งพรวดเข้ามา ท่าทางตื่นกลัว
“ฝ่าบาท” มหาดเล็กทูล “ข้าได้ยินเสียงกระแทก พระองค์ทรงสบายดีหรือไม่? ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีพระโลหิตไหล!”
ราชากาเร็ธทอดพระเนตรดูเด็กหนุ่มด้วยความชิงชัง พระองค์ทรงพยายามลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะตีเขา แต่ทรงเหยียบลื่น และหงายหลังลงไปบนพื้น ยังทรงมึนงงกับฤทธิ์ของฝิ่นระลอกสุดท้าย
“ฝ่าบาท ข้าจะช่วยพระองค์เอง!”
เด็กหนุ่มรีบเข้ามาคว้าพระพาหา ซึ่งผอมบาง มีเพียงหนังหุ้มกระดูก
แต่ราชากาเร็ธยังทรงมีพระพละกำลังเหลืออยู่ เมื่อเด็กหนุ่มแตะพระพาหา พระองค์ก็ทรงผลักเขาออก กระเด็นข้ามห้องไป
“หากเจ้าแตะตัวข้าอีก ข้าจะกุดมือเจ้าเสีย” ราชากาเร็ธทรงกริ้ว
เด็กหนุ่มถอยหนีด้วยความกลัว ขณะนั้นเองมหาดเล็กอีกคนได้เข้ามาในห้อง พร้อมด้วยชายชราผู้หนึ่งซึ่งราชากาเร็ธทรงจำได้รางเลือน ในความมืดมนของพระหทัย พระองค์ทรงรู้จักเขา แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“ฝ่าบาท” เสียงแหบพร่าชราดังขึ้น