พระองค์ทรงหยัน “ไม่ใช่ด้วยน้ำมือของเจ้าแน่ พาคนของเจ้าไปจากราชสำนักของข้าเสีย...หรือไม่อย่างนั้นก็พบกับความเกรี้ยวกราดของกองกำลังของข้า”
ในที่สุดแม่ทัพก็หันหลังและส่งสัญญาณให้ทหารของเขา ทุกคนยอมล่าถอยไปพร้อมเพรียงกัน หลังจากตึงเครียดกันอยู่หลายวินาที พวกเขาเดินถอยหลังออกไปจากท้องพระโรง อย่างระแวดระวัง โดยถือดาบไว้ในมือ
“นับตั้งแต่วันนี้ไป” แม่ทัพตะโกนบอก “ขอให้เป็นที่ประจักษ์ว่าพวกเราไม่ได้รับใช้พระองค์อีก! พระองค์จะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพของจักรวรรดิด้วยพระองค์เอง ข้าหวังว่าพวกนั้นจะดูแลพระองค์อย่างดี ดีกว่าที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อพระบิดา!”
ทหารทุกคนออกไปจากท้องพระโรงพร้อมด้วยเสียงเกราะกระทบกัน
บรรดาสมาชิกสภา มหาดเล็กและขุนนางหลายสิบคนที่ยังอยู่ ต่างยืนนิ่งและกระซิบกระซาบกัน
“ออกไป!” ราชากาเร็ธทรงตะโกน “พวกเจ้าทุกคน!”
คนที่เหลืออยู่ในท้องพระโรงต่างรีบออกไป รวมทั้งกองรบของพระองค์
เหลือเพียงคนเดียวที่อยู่รั้งท้าย
ลอร์ดคัลติน
มีเพียงเขาและราชากาเร็ธอยู่ตามลำพังในท้องพระโรง เขาเดินมาหาราชากาเร็ธ และหยุดยืนห่างไปราวสองสามฟุต พลางมองสำรวจพระองค์ ราวกับกำลังพิจารณาพระองค์ ใบหน้าของเขาปราศจากความรู้สึกใดเหมือนเช่นเคย เป็นใบหน้าของทหารรับจ้างอย่างแท้จริง
“ข้าไม่สนใจว่าพระองค์ทรงทำอะไรหรือทำไม” เขาทูลด้วยเสียงแหบพร่า “ข้าไม่สนใจเรื่องการเมือง ข้าเป็นนักรบ ข้าสนเพียงเงินที่พระองค์ทรงจ่ายให้ข้าและคนของข้า”
เขาหยุด
“แต่ข้าอยากรู้ เพื่อความพอใจของข้าเอง